หน้าเว็บ

วันเสาร์ที่ 12 มกราคม พ.ศ. 2556

เครื่องทรมานสุดโหดของยุโรป !!


ม้าไม้
ม้าไม้ เป็นอุปกรณ์ทรมานของยุโรป (นอกจากนี้ยังใช้ในอาณานิคมของอเมริกา)เหมือนกัน มีรูปร่างลักษณะเหมือนม้านั่งมีสี่ขาทำด้วยเหล็ก เพียงแต่ที่ต่างตรงที่ด้านบนนั้นรูปร่าง จะเหมือนปรึซึมยาวสามเหลี่ยมนอนด้านข้าง (ดูรูปเอาเถอะบรรยายไม่ออก)มองจากด้านข้าง จะเป็นรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้าแต่ถ้ามองอีกด้าน มันจะดูน่ากลัวมากเพราะเป็นรูปสามเหลี่ยมที่แหลม เวลาทรมานก็ดูภาพแล้วกัน โอ้เห็นแล้วเสียว(ในหลายๆความหมาย) แต่ก่อนจะให้ขาเหยื่อจะต้องโดนถ่วงน้ำหนัก เพื่อไม่ให้หนีออกจากเครื่องทรมานนี้ได้และเมื่อนั่งตอนแรกๆ จะไม่เท่าไหร่แต่นานๆ ไป ด้วยน้ำหนักของร่ายกายและที่ถ่วงขาเหยื่อทั้งหลาย (ส่วนมากจะใช้กับผู้ชาย) จะโอดอวยเพราะความเจ็บปวดเพราะเจ็บอวัยวะเพศ และปัจจุบันนี้เครื่องทรมานไม้ม้า ถูกนำไปใช้ในสถานบังเทิงสำหรับชาวซาดิสต์โดยเฉพาะ

เล็บแมวเท้าสัตว์
เล็บแมวเท้าสัตว์ เป็นเครื่องทรมานแถบสเปน รูปร่างก็เหมือนตามชื่อแหละ “เล็บแมว” มีสี่เล็บ อุปกรณ์นี้เวลาใช้ก็เหมือนอาวุธบัลล็อกในสตรีทไฟเตอร์ 2 ที่ใช้ฉีกเนื้อของเหยื่ออย่างช้าๆ ลอกหนังแล้วปิดกระดูก หรือจะข่วนหน้า ช่องท้อง, หลัง, แขน, หน้าอก ก็ได้ ตามใจผู้คุมฮ่าๆ


เลื่อย
เลื่อย ดูกี่ทีก็ไม่น่าจะใช่เครื่องทรมาน ในพระคัมภีร์ไบเบิ้ลได้กล่าวถึงเครื่องทรมานชนิดนี้ ว่าใช้สำหรับทรมานทั้งผู้ชาย,ผู้หญิง และเด็ก นอกจากนั้นก็มีการใช้อุปกรณ์ชนิดนี้ในสเปน,อังกฤษ, ฝรั่งเศสใช้ผู้หญิงที่ต้องสงสัยว่าเป็นแม่มด และที่เยอรมันใช้สำหรับปราบพวกชาวนาชาวไร่ที่กล่าวหาว่าเป็นกบฏ ซึ่งดูจากภาพก็ไม่ต้องอธิบายมากก็ได้มั้งว่า รูปร่างมันเหมือนเลื่อยสำหรับใช้สองคนเหมือนบ้านเรา เพียงแต่เขาจะเปลี่ยนจากเลื่อยไม้มาเลื่อยคนเท่านั้น โดยวิธีใช้ก็จับเหยื่อห้อยหัวและอ้าหว่างขาออกเหมือนภาพ จากนั้นก็ใช้เลื่อยผ่าหว่างขาให้แยกจากนั้นก็เลื่อยไปเลื่อย เหมือนทำกับท่อนไม้(เหยื่อจะทรมานมากเพราะเลือดไหลย้อย จนแทบหมดสติ) มาจนกระทั้งหยุดที่ส่วนของหน้าอกเพราะจุดประสงค์คือไม่ให้เหยื่อตาย แต่ต้องการให้เหยื่อทรมานตายอย่างช้าๆ มากกว่า


สต็อก หรือ ที่ขื่อคอ
สต็อก หรือ ที่ขื่อคอ รูปร่างแบบนี้คงเห็นในการ์ตูนจนไม่ต้องบรรยายแล้วมั้ง (เรื่องของเรื่องข้อมูลหายขอเกรียมจากการ์ตูนละกัน) ที่จริงอุปกรณ์นี้ไม่ใช้ทรมานนะ แต่ออกแนวคุมขังมากกว่า ซึ่งอุปกรณ์ใช้มากในอังกฤษ โดยอดีตที่ผ่านมามีผู้ที่ใช้บริการเครื่องนี้มากมาย วิธีใช้ก็ลากเหยื่อมาและเอามือและขาสอดที่รูที่เครื่องนี้ กำหนดและล็อกเพื่อไม่ให้เคลื่อนไหวได้ จากนั้นก็เอาไปเดินขบวนให้ประชาชนปาผักเล่นๆ ก็ได้ หรือเอาไปตากแดดให้เสียเหงื่อเมื่อยมือและเท้าเล่นๆ หรือจะให้ประชาชนคนดูมาแหย่ ตบ หรือปาของ หรือจะปัสสาวะก็ได้นะก็ตามใจ แต่ที่ร้ายสุดคือผู้คุมนี้สิมักเอาหม้อน้ำเดือด มาใส่เข้าไปในปากของเขา, หู, จมูก และผม หรือเลวกว่านั้นอาจจะโดนทุบ, ตี, เผา, ตัดแขนตัดขา!!


เครื่องชำแหละหน้าอก
เครื่องชำแหละหน้าอก เป็นเครื่องทรมานที่ใช้ในเยอรมันและฝรั่งเศส โดยใช้ลงโทษกับผู้หญิงที่นับถือศาสนานอกรีต, พูดสบประมาท, เป็นชู้, ชักจูงการทำแท้ง, ใช้เวทมนต์เกี่ยวกับกาม และอาชญากรรมอื่นๆ โดยอุปกรณ์ชนิดนี้ก็ใช้ตามชื่อของมันนั้นแหละ คือใช้เหล็กบนเครื่องมือนั้นฉีกหน้าอกที่เปลือยเปล่าของผู้หญิง อย่างช้าๆ โอ้ว้าว จากนั้นก็สาดน้ำเกลือหรือน้ำเดือดก็ได้ โอ้…..แสบจิ๊บเป๋ง


โซ่ หรือ ไม้นวดข้าว
โซ่ หรือ ไม้นวดข้าว หรือคอการ์ตูนทั้งหลายดูก็ไม่ต้องเล่าอะไรมากก็ได้มั้ง (การ์ตูนเรื่องรุคิรุคิจอมมารแบบนี้ก็มีด้วยก็เห็นเครื่องมือ ชนิดนี้ด้วยนะ เหอๆ) ซึ่งมีหลายแบบหลายออฟชั่น เช่นหัวไม้เป็นแซ่, โซ่, โซ่หนาม หรือลูกตุ้ม ซึ่งนิยมใช้ในยุโรปในศตวรรษที่ 14 เวลาใช้ก็โครตง่าย ก็แค่ใช้เครื่องมือนี้ฟาดแรงๆ บนตัว, หลังอันเปลือยเปล่าของเหยื่อให้เจ็บหนักๆ ซึ่งปัจจุบันคอซาดิสต์จะชอบเครื่องนี้มากๆ จนมาใช้บริการบ่อยๆ


เข็มขัดของนักบุญ
เข็มขัดของนักบุญ แหล่งกำเนิดของอุปกรณ์ชนิดนี้ไม่แน่นอน แต่มีการสันนิษฐานว่ามาจากการความตายที่ทุกข์ทรมานของ St Erasmus ( หรือ Elmo ) ในa.D 303 เวลาใช้ก็เหมือนเข็มขัดใส่ที่เอวเหยื่อล็อก และเข็มที่อยู่บนเข็มขัดนี้ก็จะทิ่มแทงเอวเหยื่อจนเจ็บปวดทรมาน


การแขวนกรง
การแขวนกรง โอ้……..ถือได้ว่าเป็นแฟชั่นฮิตในยุโรปในศตวรรรษที่ 14 ก็ว่าได้ โดยเครื่องทรมานชนิดนี้จะเหมือน เครื่องประดับสถานส่วนมากใช้ในเยอรมัน และเกือบทุกประเทศในยุโรป โดยเวลาใช้ก็จับเหยื่อมาขังตะแลงแกงเหล็ก (หรืออาจจะเป็นเสื้อคลุม)ซึ่งมีหลายแบบ แต่สิ่งที่เหมือนกันคือมันแคบมากๆ หรือไม่ก็พอดีตัวก็ว่าได้ จากนั้นก็เอาไปมาตั้งที่สูงๆ ให้คนอื่นได้เห็น โดยตั้งตามสถานที่ต่างๆ เช่น ในเมือง, ชานเมืองมากมายเหล็ก , นอกศาลากลางจังหวัด, ราชวังโบสถ์ใหญ่ และกำแพงเมือง การแกว่งไปแกว่งมาก็ช่วยล่อให้นกกามาจิกเหยื่อให้เจ็บเล่นๆ แต่ที่ร้ายกว่านั้นการทรมานชนิดนี้จะตายทรมานช้าๆ เพราะขาดน้ำขาดอาหารและการตากแดดตากลมนานๆ


วัวกระทิงทองเหลือง
วัวกระทิงทองเหลือง มีหลายชื่อเรียกเช่น วัวกระทองทองสัมฤทธิ์ (The Bronze Bull)หรือ วัวกระทะเกาะซิซิลี(Sicilian Bull)เป็นอุปกรณ์ทรมานที่เก่าแก่ในประเทศกรีก แห่งกรุงเอเธนส์ โดยกษัตริย์ได้คิดค้นประดิษฐ์ชนิดนี้ขึ้น เพื่อลงโทษคนที่ผิดมีความทางอาญา ซึ่งอุปกรณ์นี้มีรูปร่างเหมือนวัวตัวผู้แต่ข้างในกลวง สามารถใส่คนหนึ่งได้และทำโดยทองเหลือง ซึ่งสามารถอมความร้อนได้ดี เวลาจะใช้ก็เอาคนมาใส่ในตัววัวและปิดขังล็อก ไม่ให้เหยื่อเปิดออกมาได้ จากนั้นก็เอาไปลนกับไฟ ด้วยการที่มันทำทองเหลืองทำให้มันร้อนเร็วมาก เหยื่อจะร้องอย่างโหยหวนและขาดใจตายเพราะความร้อนนี้เอง และเชื่อหรือไม่บุคคลที่ถูกเครื่องนี้ทรมานส่วนใหญ่ จะเป็นพวกคริสเตียนและศาสนาคริสต์ทุกนิกาย โดย นักบุญ Eustace ก็ถูกเครื่องทรมานนี้ย่างพร้อมกับ กับภรรยา และลูกมาแล้ว
อันดับ 1

ตัดด้วยล้อ
ตัดด้วยล้อ ใครอ่านการ์ตูนเรื่อง BERSERK ก็คงเดาภาพได้ เป็นการลงโทษที่ทรมานโหดร้ายชนิดหนึ่งในยุโรป ส่วนมากมักทำในเยอรมัน ในศตวรรษที่ 18 ซึ่งบางครั้งจะใช้ดอกจันทน์เทศแทนล้อ แต่ก็ลงโทษก็คล้ายๆ กันแหละคือลากเหยื่อมามัดกับล้อ และผูกให้แน่นจากนั้นเพชฌฆาตจะตัดหรือทุบอวัยวะต่างๆ คือข้อมือ, ศอก,ไหล่, ข้อเท้า, เข่า,แขน,ขา และตะโพก เหยื่อจะส่งเสียงร้องกรี๊ดก็อย่าให้สนใจ ทำต่อไปแต่หลีกเลี่ยงไม่ให้เหยื่อตาย จากนั้นก็นำมาแขวงสูงๆ โดยให้เหยื่อนอนอยู่บนล้อแนวนอน เหมือนกับรูปเป็นอันเสร็จพิธี แต่เหยื่อก็ยังพบเหตุการณ์ต่างๆ อีกไม่ว่าจะแสงแดดที่ส่องมาอย่างแรงกล้า แต่ที่ร้ายที่สุดคืออีกาที่ลงมาเพื่อฉีกทึ้งเศษเนื้อของเหยื่อ การจิกลูกตา และความเจ็บปวดที่ยาวนานก่อนที่จะตาย

5 สวนสนุกที่ที่จัดว่าแย่ที่สุด !!


 ถือเป็นเรื่องยากนัก ที่สองคำอย่าง “คอมมิวนิสต์” และ “สวนสนุก” จะถูกเขียนอยู่ในประโยคเดียวกัน แต่มันได้เกิดขึ้นแล้วที่ สวนสนุก Mangyondae ประเทศเกาหลีเหนือ ด้วยสภาพคอนกรีตที่เกรอะกรัง รางรถไฟเหาะสนิมเขรอะ ชิงช้าสวรรค์สุดมอม ม้าหมุนสุดซอมซ่อ วางล่อเป้าอยู่ในป่ารกสุดสะพรึง ประหนึ่งได้ผ่านสงครามมาแล้วนับครั้งไม่ถ้วน!

แม้ทั่วโลกจะยกให้เป็นหนึ่งใน สวนสนุกที่แย่ที่สุดในโลก แต่ คิม จอง อิล ผู้นำเกาหลีเหนือ (ปัจจุบันเสียชีวิตแล้ว เมื่อวันที่ 17 ธันวาคม 2554) ก็พยายามโฆษณาชวนเชื่อว่า Mangyondae เป็นสถานที่ท่องเที่ยวซึ่งให้ความสุขแก่ประชาชนท่ามกลางสังคมแบบเผด็จการ เรียกว่ามีเพียงเส้นบางๆ ระหว่าง สวนสนุกกับ คอมมิวนิสต์ …( จะบอกว่าถ่าลมมันพัดนี้แม่งจะพังไหม ?)


 Ferrari World, UAE
ภาพจำของ เฟอร์รารี คือแบรนด์สุดหรูของมหาเศรษฐี แต่กลับเป็น ภาพน่าขำ เมื่อ อาบูดาบี แห่ง สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ จับแบรนด์ไฮคลาสมาสร้าง สวนสนุก เฟอร์รารี เวิลด์ และนักท่องเที่ยวไร้มารยาทมักนิยมกินไสไหมแล้วทิ้งเรี่ยราด จนซากสีชมพูเกลื่อนกลาดเต็มพื้น!
รวมถึง Formula Rossa รถไฟเหาะที่มีความเร็วสูงที่สุดในโลก ก็ทำคนโอ้กอ้าก จนอาเจียนกระจาย เป็นลายจารึกกลิ่นคุ้ง! เหมือนจะมีสิ่งเดียวที่ทำให้ สวนสนุกที่แย่ที่สุดในโลก แห่งนี้ ดูแพงสมมาตรฐาน นั่นก็คือ ราคาอาหารและของในร้านกิ๊ฟท์ช้อป อภิมหาแพงจับจิต จนต้องฉุกคิด “หรือจะเก็บเงินไว้ซื้อเฟอร์รารีดีกว่ามั้ย!?”

hijingshan Amusement Park, China
สิ่งหนึ่งที่ทำให้ สวนสนุก มีมนต์ขลัง คือ เอกลักษณ์อันโดดเด่นไม่ซ้ำใคร ทำให้นักท่องเที่ยวได้สัมผัสประสบการณ์แปลกใหม่ครั้งหนึ่งในชีวิต แต่ความพิเศษเฉพาะแบบนี้หามีไม่ ที่ สวนสนุก Shijingshan ประเทศจีน เพราะเล่นเลียนแบบ ดิสนีย์แลนด์ ทุกกระเบียด ช่างเป็นเกียรติเสียจริง!
สมชื่อ ก๊อปปี้แลนด์ แดนมังกรมากๆ เพราะก๊อปแม้กระทั่งตัวการ์ตูน mascot จะต่างก็ตรงที่สัดส่วนประหลาด กลายเป็น “มิกกี้เมาส์พิการ” ไปซะงั้น แต่สุดท้ายก็ต้องพ่ายให้ของจริง เพราะถูกดิสนีย์ฟ้องศาลใน ปี ค.ศ. 2007 สวนสนุกที่ (นิสัย) แย่ที่สุดในโลก แห่งนี้ ก็มีอันต้องปิดตัวลง

Fantazyland, Egypt
สวนสนุก ได้ชื่อว่าเป็นสถานที่สุดผ่อนคลาย แต่ไฉน Fantazyland แห่ง อียิปต์ จึงให้อารมณ์เหมือนแดนผีดิบยังไงยังงั้น จิตนาการวัยเยาว์สิ้นสุดลงในบัดดล เมื่อยล “สงัดแลนด์” แห่งนี้
กำแพงงอมด้วยลาย graffiti พื้นตกแต่งด้วยใบไม้อันแห้งเหี่ยว นักท่องเที่ยวที่เคย(หลง)มาเยือน สวนสนุกที่แย่ที่สุดในโลก แห่งนี้ เอ่ยว่า “ช่างเป็นสวนสนุกที่รกร้าง แม้กระทั่งแม่น้ำยังขี้เกียจจะไหลผ่าน” เง้อ! เจอแบบนี้ก็..เจ็บแต่จบ!

Bon-Bon Land, Denmark
ในแง่จิตนาการ สวนสนุก Bon-Bon ประเทศเดนมาร์ก น่าจะเต็มไปด้วยสีสัน ลูกอม ลูกกวาด สุดน่ารัก แต่ความจริงอาจทำให้กระอัก เพราะมองไปทางไหนก็เห็นแต่อุจจาระสุนัขคละเคล้าอ้วกหนู!
และด้วยความที่เป็น สวนสนุก ดึงดูดใจวัยซน แต่กลับมีรูปปั้นสัตว์สัปดนอยู่รายล้อม เช่น หมูจอมลามก แม่วัวนมโต เต่าขี้เมา และ มดผู้ปัสสาวะเรี่ยราด จะว่าไปแล้ว Bon-Bon Land ก็ไม่ถึงกับเลวร้าย แค่แปลกในทางที่ไม่สร้างสรรค์ งั้นก็เอาตำแหน่งไปละกัน สวนสนุกที่แย่ที่สุดในโลก !

เท้าดอกบัวทองความจริง..ที่เรากลัว





ประเพณีรัดเท้าของสตรีจีนโบราณ ประเพณีจีนแต่โบราณมาเชื่อว่า สุดยอดความงามของสตรีคือ การมีเท้าคู่เล็กดุจกลีบดอกบัว โดยการรัดเท้าจะส่งผลต่อความมั่งคั่ง และสถานภาพในอนาคตของลูกสาว รวมถึงความสุขในชีวิต ภายใต้ความเชื่อดังกล่าว สตรีจีนทั่วประเทศต้องทรมาน อย่างแสนสาหัสมากว่าพันปี เพิ่งจะมาเมื่อเกือบร้อยปีที่แล้วนี้เอง ที่มีการปลดแอกจากประเพณีสุดทรหดนี้ หลังรัฐบาลคอมมิวนิสต์ชุดแรกสั่งห้ามไม่ให้มีการรัดเท้า!! 

สมัยก่อนการรัดเท้าถือเป็นข้อบังคับทางสังคม สำหรับสตรีฮั่นทั่วประเทศ ไม่ว่ายากดีมีจน ผู้หญิงที่มีลูกสาว อายุ 4-5 ขวบ จะต้องรัดเท้าให้ลูกสาว ไม่เช่นนั้น จะถูกเยาะหยันที่ไม่ได้ทำหน้าที่ของแม่ ยิ่งรัดให้ยิ่งเล็กก็ยิ่งดี

เพื่อให้ดูเล็กลงคล้ายรูปพระจันทร์เสี้ยว พอถึงศตวรรษที่ 11 การรัดเท้าจึงกลายเป็นค่านิยม ที่แพร่หลายในหมู่สตรีชาววังและตระกูลขุนนาง ก่อนที่จะระบาดไปยังชนชั้นล่าง โดยเท้าดอกบัวที่สวยงามจะต้องมีลักษณะ 7 ประการสำคัญ คือ บาง เล็ก เรียว โค้ง หอม นุ่ม และต้องเท่ากัน

การรัดเท้าทำโดยใช้แถบผ้า ซึ่งทำจากผ้าฝ้ายเนื้อหยาบ กว้างประมาณ 3 นิ้ว ยาว 7 นิ้ว แม่ของเด็กมักจะเป็นผู้ทอผ้าเอง บางครั้งจะมีการย้อมครามสีน้ำเงิน เพราะเชื่อว่า ป้องกันไม่ให้เท้าเน่าเปื่อย การเลือกวันมงคลเพื่อเริ่มรัดเท้า จึงมีความสำคัญยิ่ง

ประเพณีการรัดเท้าสร้างความเจ็บปวด และทรมานให้แก่สตรีจีน มาแล้วกว่าพันปี มีสตรีจีนนับไม่ถ้วนต้องพิการ หรือเสียชีวิต เพราะขั้นตอนการรัดเท้า

การรัดเท้าจะทำให้นิ้วเท้าทั้งหมด ยกเว้นหัวแม่เท้าถูกพับลงไป และรัดติดแน่นกับฝ่าเท้า จะเรียกว่า เท้าดอกบัวทองได้ ก็ต่อเมื่อเท้ามีขนาดเล็กแค่ 3 นิ้ว ถ้าเหลือ 4 นิ้ว เรียกว่าดอกบัวเงิน และถ้าใหญ่เกิน 4 นิ้ว เรียกว่าดอกบัวเหล็ก

ในปี 1912 มีการสถาปนาสาธารณรัฐจีน ทุกมณฑลถูกสั่งห้ามให้มีการรัดเท้า แต่ก็ยังมีสตรีจีนจำนวนมากที่เต็มใจเจ็บปวด โดยเลือกการรัดเท้า เพราะเชื่อว่า เท้าดอกบัวของผู้หญิงที่รัดเท้า จนดูเหมือนเท้าตุ๊กตา เป็นสิ่งกระตุ้นอารมณ์ทางเพศ